เรื่องที่ ๑๔ รสหวาน

 

ผมรู้สึกว่า h คนไทยชอบอาหารที่มีรสหวาน h   คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่คิดว่าอาหารไทยเป็นอาหารเผ็ด 

เพราะว่าอาหารเผ็ดดังมากในเมืองไทย เช่น ต้มยํา ส้มตํา เป็นต้น  

แต่จริงๆแล้วอาหารที่คนไทยกินเป็นประจํายังใส่นํ้าตาลมากนอกจากพริกและมะนาว เท่าที่ผมเห็นเวลาคนไทยกินก๋วยเตี๋ยวก็ใส่นํ้าตาลแยอะมากคนไทยบางคนใส่นํ้าตาล๔-๕ช้อน  ผมคิดในใจว่าอาหารนี้ไม่ไช่ของหวานหรือไม่ไช่ขนม  ทําไมจึงใส่นํ้าตาลแยอะมากเกินไป

ผมคิดว่าอาหารหวานไม่ใช่กับข้าว นอกจากก๋วยเตี๋ยวเวลากินข้าวคนไทยก็ชอบใส่เครื่องปรุงหลายอย่าง

ตอนที่ผมอยู่ที่ญี่ปุ่นได้ยินจากทีวีหรือหนังสือพิมพ์ว่าเครื่องปรุงไม่ค่อยดีต่อร่างกายเราโดยเฉพาะกินนํ้าตาลแยอะเกินไป ทําให้เป็นโรคเบาหวานง่าย   แล้วก็คนที่ชอบรสเค็มก็จะเป็นโรคหัวใจหรือโรคเกี่ยวกับเลือดง่าย

คนญี่ปุ่นบางคนคิดว่าโรคเบาหวานเป็นโรคคนรวยบางคนบอกว่าสาเหตุที่เป็นโรคเบาหวานคือกรรมพันธุ์ ไม่ค่อยเกี่่ยวกับอาหารที่ทุกวันกิน แต่บางคนคิดว่าไม่ใช่กรรมพันธุ์ ครอบครัว คือ อยู่ด้วยกัน และ ส่วนมากของกินก็เหมือนกัน

ถ้าในครอบครัวมีคนที่เป็นโรคเบาหวานหลายคน แสดงว่าครอบครัวนั้นกินอาหารที่ใส่นํ้าตาลมากเสมอ

ถ้าเปรียบเทียบคนไทยกับคนญี่ปุ่นผมมีความเชื่อว่า คนไทยกินน้ําตาลมากกว่าคนญี่ปุ่น แต่ผมคิดว่าต้องนึกถึงอากาศของประเทศไทยด้วย

เมืองไทยอากาศร้อนมาก แสดงว่า ต้องการนํ้าตาลให้แก่ร่างกายเรา ผมถามคนไทยว่า g ใส่น้ําตาลเยอะเกินไปใช่ใหม h

เพื่อนคนไทยตอบว่า g ไม่เป็นไรครับ เมืองไทยร้อนมากถึงแม้ว่าจะกินน้ําตาลเมยอะ แต่นํ้าตาลสามารถละลายได้เร็วh

ผมไม่ได้เป็นหมอทําให้ผมไม่รู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า

นอกจากผมรู้สึกกลัวว่าน่าจะเป็นโรคเบาหวาน สาเหตุที่ผมไม่ค่อยชอบใส่นํ้าตาล ก็เพราะว่าผมมีความรู้สึกชินกับรสจืด เวลาผมสั่งเครื่องดื่มที่ร้านกาแฟ ผมบอกว่า g เอาชาเย็นไม่ใส่นํ้าตาล ไม่ใส่นม ไม่ใส่มะนาวหรือกาแฟเย็นไม่ใส่นํ้าตาลไม่ใส่นมข้นh

เท่าที่ผมสังเกตดูพนักงานบางคนจะทําหน้าแปลกใจพนักงานคงคิดว่า gเครื่องดื่มนั้นมันอร่อยหรือเปล่าh

แต่สําหรับผม เครื่องดื่มแบบนี้อร่อยที่สุด

 

                                                                                                                                                            เทซึ

                                                                                                                                               ๓๐ พฤษจิกายน ๒๕๔๖