เรื่องที่ ๑๐ ภาษาไทย
ผมมาอยู่เมืองไทยเกือบ๒ปีแล้ว
ตอนที่ผมเพิ่งมาเมืองไทยผมไปเรียนภาษาไทยที่โรงเรียนทุกวัน
ผมหวังว่าอยากจะเรียนภาษาไทยจนกว่าจะสามารถอ่านหนังสือพิมพ์หรือเข้าใจข่าวที่นักข่าวพูดได้ด้วย
ผมคิดว่าถ้าอยู่เมืองไทยนานๆ
ผมคงจะสามารถพูดภาษาไทยเก่งขึ้นได้แน่นอน
แต่ผมคิดผิดแล้ว
ถ้าอยากพูดภาษาไทยเก่งขึ้นผมก็ต้องพยายามเรีอนภาษาไทย ต้องใช้เวลาในการเรียนด้วย
บางคนบอกว่าภาษาไทยไม่ค่อยยาก
แต่สําหรับผมภาษาไทยยากมาก เพราะว่าภาษาไทยไม่ใข่ภาษาแม่ของผม
ดังนั้นผมรู้สึกว่ายากจริงๆ
แต่การออกเสียงจนถึงไวยากรณ์ของภาษาไทย
คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่บอกว่าการออกเสียงภาษาไทยยากสํมหรับชาวญี่ปุ่น
ภาษาญี่ปุ่นมีสระ๕ตัวเท้านั้น
ส่วนภาษาไทยมีสระ๒๘ตัว
มีพยัญชนะ
๔๔ ตัว เลิกใช้ไปแล้ว ๒ ตัว เหลือ ๔๒ ตัว วรรนยุกต์ ๔ รูป ๕ เสียง
สําหรับคนญี่ปุ่น
สระ gเ hกับ สระ gแ h ฟังยาก สระ gโ
hกับ สระ g อ h หรือ สระgูอูhกับ
สระ gอือ hก็ ฟังยากเหมือนกัน
นอกจากการออกเสียงแล้วยังมีสิ่งที่ยากอีกด้วย
เช่น คําศัพที่มีความหมายเหมือนกันแต่วิธีใช้ต่างกันก็มีเยอะด้วย
เช่น
กิน ทาน รับประทาน ฉัน
ผมถามเพื่อนคนไทยเกี่ยวกับภาษาไทยบ่อย
ๆ เช่น ทําให้ เลย เพราะฉะนั้น ดังนั้น ก็เลย
วิธีใช้ต่างกันอย่างไง
เพื่อนคนไทยตอบว่า
แล้วแต่ประโยค การตอบนี้ไม่ผิดจริง
ๆ แต่ผมไม่เข้าใจเลย
ยิ่งถามก็ยิ่งสับสนมากขึ้น
เมื่อเริ่มทํางานในเมืองไทย
ผมไม่ค่อยมีเวลาเรียนภาษาไทย
ทําให้ช่วงนี้เวลาผมพูดภาษาไทย คนไทยบอกบ่อย ๆว่า gไม่รู้เรื่องh
แล้วก็เวลาเขียนภาษาไทยตัวอักษรผิดบ่อย
ๆ ตอนนี้ผมเขียนบทความ gมุมมองของเทซึ h ในเวบไซต์ของผมด้วย
หลังจากผมเขียนบทความด้วยตัวเองเสร็จแล้ว
เพื่อนคนไทยช่วยแก้ไขบางประโยคให้ถูกต้อง
ถ้าไม่ได้ตรวจหรือแก้ไขก่อน
ผู้อ่อนคงจะไม่รู้เรื่องแน่ ๆ
ผมคิดว่าเวลาเขียน
g มุมมองของเทซึ h ผมได้มีโอกาสเรียนภาษาไทยไปในตัวด้วย
ความจริงผมอยากอยู่เมืองไทยนาน
ๆ
ดังนั้นผมต้องการมีความรู้ภาษาไทยอย่างลึกมากกว่านี้
ถ้าเขียนบทความg
มุมมองของเทซึ h ต่อ ผมก็เชื่อว่าภาษาไทยของผมคงจะเก่งขึ้น
และจะทําให้ชีวิตในเมืองไทยสบายขึ้นด้วย
๖ กันยายน ๒๕๔๖